เทคโนโลยีการวิเคราะห์กระบวนการ (PAT) เป็นพลังขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลง โดยช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับจลนศาสตร์ อุณหพลศาสตร์ และกลไกในระบบเคมีที่สลับซับซ้อนได้อย่างมาก การนำการตรวจวัดในสถานการณ์จริงแบบเรียลไทม์มาใช้ ช่วยให้นักวิจัยมีศักยภาพเพิ่มขึ้นสำหรับการทำความเข้าใจข้อมูลเชิงลึกขั้นสูงเกี่ยวกับประสิทธิภาพและหลักการพื้นฐานในการสังเคราะห์ นอกจากนี้ PAT ยังมีบทบาทสำคัญยิ่งในการไขปริศนาซับซ้อนเกี่ยวกับการก่อตัวของอนุภาคและการตกผลึก ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยให้สามารถเปลี่ยนการทดลองที่มีข้อมูลหลากหลายให้กลายเป็นข้อมูลสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ได้รวดเร็วขึ้น ทำให้พัฒนาระเบียบวิธีใหม่ๆ ได้เร็วกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้จึงช่วยร่นระยะเวลาให้การวิจัยด้านต่างๆ มากมาย เช่น การสร้างแบบจำลองขั้นสูง การเรียนรู้ของเครื่อง โครงข่ายประสาทเทียม การเพิ่มประสิทธิภาพด้วยตนเอง และเคมีอัตโนมัติ ในท้ายที่สุด PAT เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและขยายขอบเขตความเป็นไปได้ภายในสาขาการวิจัยทางเคมี
เอกสารไวท์เปเปอร์นี้ใช้ชุดเอกสารเผยแพร่ล่าสุดในการพิจารณาและเน้นความสำคัญให้บทบาทของ PAT ต่างๆ ในด้านการวิจัยเชิงวิชาการที่มีการศึกษากันอย่างกว้างขวาง ซึ่งรวมถึง
- ตัวเร่งปฏิกิริยาอินทรีย์ ตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีโลหอินทรีย์ ตัวเร่งปฏิกิริยาทางชีวภาพ
- เคมีที่ไม่รุนแรงและยั่งยืน
- การเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของปฏิกิริยาพลังงาน
- การสังเคราะห์สารเคมีแบบชีวภาพ
- การสังเคราะห์พอลิเมอร์
- จลนศาสตร์และกลไก
- กำหนดลักษณะเฉพาะของอนุภาคและการตกผลึก
- สารเคมีที่มีการไหลอย่างต่อเนื่อง
- การสร้างแบบจำลอง การเพิ่มประสิทธิภาพ และระบบอัตโนมัติ
ในเอกสารรวบรวมงานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยนี้มีคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับอิทธิพลและขอบเขตของ PAT ทั้งยังผ่านขั้นตอนการทบทวนบทความจำนวนมากที่ปรากฏอยู่ในผลงานวิจัยทางเคมีที่ได้รับการตีพิมพ์ในระดับสากล บทความเหล่านี้อธิบายการใช้งานเครื่องมือต่อไปนี้ ได้แก่
- สเปกโทรสโคปีแบบเรียลไทม์สำหรับการวิเคราะห์ปฏิกิริยา
- ระเบียบวิธีสุ่มตัวอย่างอัตโนมัติสำหรับโครมาโตกราฟี
- หัววัดแบบอินไลน์สำหรับการกำหนดลักษณะเฉพาะของอนุภาคและการตกผลึก
- สถานีงานอัตโนมัติเพื่อการควบคุมที่เหนือกว่าเมื่ออยู่ในสภาวะการสังเคราะห์
- ซอฟต์แวร์ อัลกอริทึม และการสร้างแบบจำลองขั้นสูง